...............จากคราวที่แล้ว เด็ก ๆ รู้จักวิธีท่องสูตรของวิตามินกันแล้ว ถ้างั้นวันนี้
เราก็มาลงลึกถึงความหมายของวิตามินกันค่ะ
วิตามินเอ เกี่ยวกับโรคตาค่ะ เช่น เป็นโรคตาฟ่าฟางประมาณว่า มองไม่ค่อย
เห็นในที่มืดอะไรอย่างงี้ ถ้าไม่อยากต้องอยู่ในโลกมืดก็ต้องกินอาหารจำพวก
ไขมันเนย น้ำมันตับปลาไข่แดง กะหล่ำปลี พืชตระกูลถั่ว ผักสีแดง ผักสีเหลือง
วิตามินบี (1) เกี่ยวกับโรคเหน็บชา เจ้าโรคที่ว่านี้เป็นโรคที่ถ้าเราเป็นเราจะรู้สึก
ว่า เราเหมือนจะมีอายุใกล้ ๆ จะเรียกได้ว่าเป็น ส.ว. (สูงวัย) แล้วนะคะ เพราะโรคนี้
จะมีอาการชาที่ปลายมือ และปลายเท้า กล้ามเนื้อแขนและขาไม่มีกำลัง เวลาลุกนั่ง
ก็ชาไปหมดแบบว่าไม่มีแรงน่ะค่ะ พบมากในอาหารจำพวก เนื้อหมู ข้าวกล้อง
เห็ดฟาง ค่ะ
วิตามินอี ถ้าใครขาดวิตามินอีจะไม่สามารถเป็นสิ่งมีชีวิตได้สมบูรณ์แบบ เอ้า...!
ทำหน้า งง...กันเป็นแถว ก็จะอะไรซะอีกล่ะคะ ก็ถ้าใครขาดวิตามินอีจะทำให้คนนั้น
เป็นหมันที่ที่เรารู้กันดีก็คือ ไม่สามารถมีลูกหลานได้ไงละคะ(หนึ่งในลักษณะของ
สิ่งมีชีวิตในหนังสือวิทย์ ป.1 ค่ะ) อู้ย....รีบไปอ่านกันค่ะว่าเราต้องกินอะไรกันบ้าง
ข้าวซ้อมมือ,ไข่, น้ำมันพืช, ผักสีเขียว และในข้าวหรือแป้ง เป็นไงคะกินทุกวันเลย
ล่ะซิ วิตามินชนิดนี้เรามักไม่ขาดกันหรอกค่ะ แถมอีกนิดค่ะวิตามินอียังช่วยชะลอ
ความแก่อีกค่ะ (ครูหลิวต้องดูแลการกินวิตามินชนิดนี้เพิ่มขึ้นค่ะ )
วิตามินซี ป้องกันแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน สร้างกระดูก และฟันช่วยในการป้องกัน
โรคที่พวกเรากำลังให้ความสำคัญกันมากที่สุดในช่วงนี้ แหม! จะว่าไปเด็ก ๆ ก็คงเดา
ถูกว่าเป็นโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 นั่นล่ะค่ะ เมื่อรู้สรรพคุณกันแล้วก็มาถึงวาระ
ที่จะเลือกรับประทานอาหารกันแล้วล่ะค่ะ วิตามินซีมีมากในผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม
สับปะรด สตรอเบอรี่ หรือในผลไม้ไม่เปรี้ยวแต่มีวิตามินซีมากก็พวก ฝรั่ง นี่ล่ะคะ
หาง่ายจังวิตามินซี
.......................วันนี้อ่านเท่านี้ก่อนนะคะ คราวหน้าจะมาอธิบายวิตามินที่เหลือนะคะ
เพราะรู้สึกว่าจะเขียนยาวเกินไปแล้วเดี๋ยวเด็ก ๆ ไม่อยากอ่าน เอาเป็นว่าเดี๋ยวคราวหน้า
เจอกัน อย่าลืมติดตามตอนหน้านะคะ
รักเด็ก ๆ มากมาย