ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

การสอบ สสวท

....................เด็ก ๆ คะ เป็นไงกันบ้างคะ ส่วนใหญ่คงปิดเทอมกันแล้ว ส่วนครูหลิวยังไม่ปิด แง...แง......ตอนนี้ยังต้องทำงานอยู่ แต่ลูก ๆ BCC อยู่บ้านพักผ่อนกันแล้ว เอาเป็นว่าถึงจะปิดเทอมแล้วก็อย่าลืมอ่านหนังสือกัน ด้วยนะคะ โดยเฉพาะใครที่สมัครสอบ สสวท ต้องเตรียมตัวอย่างต่อเนื่อง เลยล่ะค่ะ เพราะเวลามีไม่มาก แล้วตอนนี้ก็เป็นโค้งสุดท้ายที่เราจะได้ อ่านหนังสือสอบกันแล้วนะคะ ครูหลิวแนะนำว่า เวลาช่วงสั้น ๆ นี้ ให้ไป หาข้อสอบเก่ามาทบทวนกันนะคะ เพราะข้อสอบ สสวท ค่อนข้างยากค่ะ แต่ครูหลิวว่าถ้าเราทบทวนครบทั้ง 8 สาระ (วิทยาศาสตร์) ไง...ไง....ก็ไม่มีทาง พลาดแน่นอนค่ะ สู้ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ครูหลิว
โพสต์ล่าสุด

ความหมายวิตามิน ตอน 3

วิตามินดี เด็ก ๆ อาจจะสงสัย เอทำไมดูกต้องเด่ด้วย ที่ต้องเขียนว่าดูกเด่ เพื่อให้คล้องจองกับวิตามินเคเขาน่ะคะ สำหรับวิตามินดี เขาจะทำหน้าที่ ควบคู่กับวิตามินซีในเรื่องของการดูแลกระดูกของเราให้แข็งแรงทนทานกัน สุด ๆ ค่ะ เมื่อรู้ประโยชน์กันแล้ว เรามาดูกันต่อค่ะว่าแหล่งวิตามินดี ได้มา อย่างไร ร่างกายของเรานี้แสนจะอัจฉริยะ เพราะร่างกายเราสามารถสร้าง วิตามินดีได้จากเม็ดสีหรือเราเรียกตามศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ว่าเมลานิน ใต้ผิวหนังซึ่งจะทำหน้าที่รับแสงแดดอ่อน ๆ ในยามเช้าหรือจะเป็นตอนเย็น ที่แดดไม่แรงจนเกินไปค่ะ เพราะถ้าไปตอนแดดแรง ๆจะไม่ใช่ได้วิตามินดี แต่จะกลายเป็นว่าได้มะเร็งผิวหนังมาเป็นของแถมแทนค่ะ วิตามินเค เลือดออก นั่นก็คือถ้าเด็ก ๆ ขาดวิตามินเค เมื่อบาดเจ็บมีแผลเลือด จะไหลไม่หยุด เลือดจะไหลออกมาเรื่อย ๆ เพราะเลือดจะไม่แข็งตัว ประมาณว่า ปกติเวลาที่เวลาเรามีบาดแผลพนักงานในร่างกายจำพวกเกล็ดเลือดจะเดินขบวน พาเหรดพากันมาอุดที่ปากแผลทำให้เลือดหยุดไหล แล้วบาดแผลก็จะค่อย ๆ หายค่ะวิตามินเค ร่างกายสามารถสร้างได้เองจากแบคที่เรียในลำไส้ค่ะ (แบคทีเรีย ก็มีประโยชน์เหมือ

ความหมายของวิตามิน

............... จากคราวที่แล้ว เด็ก ๆ รู้จักวิธีท่องสูตรของวิตามินกันแล้ว ถ้างั้นวันนี้ เราก็มาลงลึกถึงความหมายของวิตามินกันค่ะ วิตามินเอ เกี่ยวกับโรคตาค่ะ เช่น เป็นโรคตาฟ่าฟางประมาณว่า มองไม่ค่อย เห็นในที่มืด อะไรอย่างงี้ ถ้าไม่อยากต้องอยู่ในโลกมืดก็ต้องกินอาหารจำพวก ไขมันเนย น้ำมันตับปลา ไข่แดง กะหล่ำปลี พืชตระกูลถั่ว ผักสีแดง ผักสีเหลือง วิตามินบี ( 1) เกี่ยวกับโรคเหน็บชา เจ้าโรคที่ว่านี้เป็นโรคที่ถ้าเราเป็นเราจะรู้สึก ว่า เราเหมือน จะมีอายุใกล้ ๆ จะเรียกได้ว่าเป็น ส.ว. (สูงวัย) แล้วนะคะ เพราะโรคนี้ จะมีอาการชาที่ปลายมือ และปลายเท้า กล้ามเนื้อแขนและขาไม่มีกำลัง เวลาลุกนั่ง ก็ชาไปหมดแบบว่าไม่มีแรงน่ะค่ะ พบมากในอาหารจำพวก เนื้อหมู ข้าวกล้อง เห็ดฟาง ค่ะ วิตามินอี ถ้าใครขาดวิตามินอีจะไม่สามารถเป็นสิ่งมีชีวิตได้สมบูรณ์แบบ เอ้า...! ทำหน้า งง...กัน เป็นแถว ก็จะอะไรซะอีกล่ะคะ ก็ถ้าใครขาดวิตามินอีจะทำให้คนนั้น เป็นหมันที่ที่เรารู้กันดีก็คือ ไม่สามารถมีลูกหลานได้ไงละคะ ( หนึ่งในลักษณะของ สิ่งมีชีวิต ในหนังสือวิทย์ ป. 1 ค่ะ) อู้ย....รี

สูตรท่องวิตามิน

...........................เด็ก ๆ คะ เด็ก ๆ รู้ไหมคะว่าวิตามินสำคัญต่อเราอย่างไรบ้าง วิตามินเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่เป็นปัจจัยจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของ คนเราเลยนะคะ เพราะช่วยทำให้ร่างกายของเราสามารถทำงานได้เป็นปกติ ขับถ่ายสะดวก เราพบวิตามินได้ง่าย ๆ จากผลไม้ชนิดต่าง ๆ นั่นเองค่ะ และ โดยเฉพาะช่วงนี้ไข้หวัด 2009 กำลังระบาดมาก ๆ เพราะฉะนั้นการทำให้ ร่างกายแข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ค่ะ และหนึ่งในวิธีที่จะป้องกันเจ้า เชื้อหวัด H1N1 นั้น การกินวิตามินซีก็ช่วยให้เราปลอดภัยจากเชื้อหวัดได้ ในระดับหนึ่งนะคะ (วิตามินซีได้จากการกินผลไม้รสเปรี้ยว หรือวิตามินซี แบบเม็ดก็ได้ค่ะ) ............................เอาละค่ะ ถึงเวลาที่ครูหลิวจะสอนสูตรท่องวิตามินแล้ว นะคะ พร้อมหรือยัง ไปกันเลย ยะ......ฮู้......... A หมายถึง วิตามินเอ เกี่ยวกับโรคตาฟ่าฟาง B หมายถึง วิตามินบี1 เกี่ยวกับเหน็บชา E หมายถึง วิตามินอี เกี่ยวกับการเป็นหมัน D หมายถึง วิตามินดี เกี่ยวกับกระดูก K หมายถึง วิตามินเค เกี่ยวกับเลือดไม่แข็งตัว B(2) หมายถึง วิตามินบี2 เกี่ยวกับโรคปากนกกระจอก

การสังเกต

...................เด็ก ๆ คะ กลับมาพบกับครูหลิว (สุดสวย...มั้ง!) กันอีกครั้งนะคะ เด็ก ๆ คะครูหลิวอยากสอน เรื่องการสังเกตเพิ่มเติมน่ะค่ะ แต่ก่อนอื่นขอท้าวความเดิมสักหน่อยนะคะ ..................การสังเกตเป็นหนึ่งในทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ที่มีทั้งหมด 8 ทักษะ การสังเกตถือเป็นทักษะพื้นฐานที่สำคัญมากทักษะหนึ่ง เพราะการทำการทดลองในวิชาวิทยาศาสตร์ล้วนต้องใช้การสังเกตช่วย การสังเกต หมายถึง การใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา = มองดู หู = ฟัง จมูก = ดมกลิ่น ลิ้น = ชิมรส ผิวกาย = สัมผัส และการใช้ประสาทสัมผัส ในการสังเกตไม่จำเป็น ต้องใช้ประสาทสัมผัสครบทั้ง 5 ประเภทค่ะ เพียงแต่เลือก ใช้ให้เหมาะกับสิ่งที่ เราสังเกตเท่านั้นค่ะ เช่น ในภาพนี้สมมติว่าเด็ก ๆ มองเห็น บีกเกอร์เหล่านี้ วางอยู่บนโต๊ะในห้อง LAB แล้วเด็ก ๆ ก็แสนที่จะสงสัยว่า มันคืออะไรกันนะ สีสวยจัง เด็ก ๆ จะเลือกใช้ประสาทสัมผัสใดบ้างคะ ตอบยังเอ่ย ! เอาละมาช่วยกันคิดว่าประสาทสัมผัสใดใช้ได้บ้าง 1. ใช้แน่นอน ต้องใช้ ตา เป็นอันดับแรกอยู่แล้วค่ะ ตา : ในบีกเกอร์มีของเหลวสีเหลือง สีเขียว และสีแดง ตา : มีบีกเกอร์อยู่

บางน้ำผึ้ง........บางน้ำผึ้ง........ในวันที่เปลี่ยนไป

...................การมาตลาดน้ำบางน้ำผึ้งวันนี้เปลี่ยนไป ดูมีสีสันมาก ๆ หลังจากไม่ได้มาเยี่ยมเยียนนานแรมปี เพราะติดใจตลาดน้ำตลิ่งชัน ที่เรียกได้ว่าต้องพบกัน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เลยทีเดียว ...................บางน้ำผึ้งวันนี้ดูแปลกหูแปลกตา สินค้าหลากหลาย น่าจับจ่ายซื้อหา ขยายร้านรวงอีกมากมาย ล้วนน่ากลัว 'ตังค์ในกระเป๋า จะปลิวไปอยู่ในมือแม่ค้าซะจริง ๆ เดินลึกเข้าไปก็ยังติดอกติดใจกับ ปลาร้าสับเจ้าเก่าที่ชิมกี่ครั้งก็ยังต้องยกนิ้วให้อยู่เหมือนเคย เดินไปเดินมา.........ข้าวของยิ่งเต็มมือ เริ่มหนัก แถมคอแห้งซะด้วย เลยปิ๊งขึ้นมาได้ว่าน้ำตลิงปลิงที่ตลาดแห่งนี้รสชาติดีจริง ๆ ไปครั้งไหน ๆ ครูหลิวก็อดที่จะแวะซื้อไม่ได้ทุกครั้ง เหมือนกับว่า ถ้าไม่ได้ชิมน้ำตลิงปลิง เหมือนมาไม่ถึงตลาดน้ำบางน้ำผึ้งอย่างนั้นล่ะ หลังจากที่อิ่มหมีพีมันกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องลาจากกันแล้ว เลยต้องร่ำลากับแม่ค้าด้วยการซื้อของกลับบ้านจนหนำใจ เรียบร้อย ก็กลับบ้านอย่างมีความสุข ใครอยากมีความสุขแบบครูหลิวก็แวะไปเที่ยว ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกันนะคะ ตามสโลแกนที่ว่า "เที่ยวไทยครึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกค

ลูก ๆ ของครูหลิว

.....................ทำเอางง...! เลยทีเดียว เมื่อผู้ปกครองเจอะเจอกับครูหลิว แล้วป้อนคำถามหมัดเด็ดว่า "ครูหลิวคะ.....ครูหลิวมีลูกแล้วเหรอคะ" ครูหลิวถึงกับอึ้ง แล้วในสมองก็ประมวลผลว่า เอ๊ะ...! เรามีลูก เอ๋...ผู้ปกครองอ่านเจอ หรือได้ข้อมูลจากที่ไหนกันนะ ตอบคำถามแรก "เปล่าค่ะ....ครูหลิวยังไม่ได้แต่งงานเลย" (ในใจบอกเป็นไปได้ช่วยหาให้ด้วยนะคะ) OK ตอบคำถามเรียบร้อยเดินผ่านไป ไม่นาน คำถามที่ 2 ยิงตรง "ครูหลิวคะ ลูกครูหลิวกี่ขวบแล้วคะ" เอ๋.....คำถามคล้าย ๆ เมื่อกี้ เอ....ชักแปลก ๆ คำถามนี้ แสดงว่าผู้ปกครองต้องได้ข้อมูลจากที่เดียวกัน ครูหลิวยังงง...... แต่เริ่มคิดว่า เอ๋....เราแอบไปมีลูกตอนไหนกันนะ แต่ก็ตอบกลับไปว่า "เปล่าค่ะ........ครูหลิวยังไม่มีลูก" ผู้ปกครอง : "อ๋อ....เหรอคะ เห็นใน website ครูหลิว เห็นเขียนถึงลูก" ครูหลิว : "อ๋อ....! ลูก ๆ ครูหลิวก็เด็ก ๆ ที่โรงเรียนนี่ล่ะค่ะ ลูก ๆ ครูหลิว ทั้งนั้น เต็มโรงเรียนเลย" คำถามต่อมาทำให้คลายสงสัย ครูหลิวจึงได้ประติดประต่อ เรื่องราวได้สำเร็จก็คือ ผู้ปกครอ