ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ผมสวยทำไม......ต้องหวี

........................เด็ก ๆ คะ วันก่อนครูหลิวไปทานสุกี้ MK เลยเห็นข้อมูลดี ๆ

เอามาเขียนเล่าให้เด็ก ๆ อ่านค่ะ เรื่องก็มีอยู่ว่า

.......................การหวีผมเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด รวมทั้งช่วย

กระจายไขมันที่ผลิตออกมาจากต่อมไขมันบนหนังศีรษะ ซึ่งจะทำให้ผมนุ่มเงางาม

วีธีหวีผมเพื่อให้ผมมีสุขภาพดีคือ ก้มศีรษะไปข้างหน้าเล็กน้อย เลือดจะได้ไหลเวียน

ไปเลี้ยงหนังศีรษะได้อย่างทั่วถึง จากนั้นหวีเบา ๆ ประมาณ 30 -40 ครั้ง โดยให้ซี่หวี

สัมผัสกับหนังศีรษะด้วย ผมจะได้เงางาม

ขอบคุณข้อมูลดี ดี จาก MK RESTUARANTS นะคะ


................หวีมีหลากหลายรูปแบบค่ะ มาดูภาพกันค่ะ






วิธีหวีผม

1. ควรหวีผมเพียงแค่วันละ 2
ครั้งคือตอนเช้าและก่อนนอนครั้งละประมาณ

....3 นาทีเท่านั้น


2. เริ่มหวีเบาๆช่วงปลายผมก่อนเพื่อสางไม่ให้ผมพันกัน จากนั้นจึงค่อยหวีผม

....จากโคนผมลงมาสู่ปลายผมอีกที


3. ควรเลือกใช้แปรงหรือหวีที่มีซี่ห่างพอสมควร ถ้าเลือกใช้แปรงขนสัตว์

....ขนแปรงจะอ่อนนุ่ม่วยถนอมเส้นผมได้มากยิ่งขึ้น


4. หวีผมเฉพาะช่วงเส้นผมจริง ๆ อย่าใช้หวีหรือแปรงถูหนังศีรษะแรง ๆ

....เป็นอันขาด


5. การแปรงผมที่ถูกต้องให้แปรงย้อนศรไปมานั่นคือก้มศีรษะลงแล้วแปรงผม

....จากข้างหลังมาข้างหน้าเงยศีรษะขึ้นแล้วแปรงจากข้างหน้าไปข้างหลัง

....แปรงจากขวาไปซ้ายแล้วสลับมาซ้ายไปขวา


ถ้าไม่ใช้หวีจะใช้นิ้วสางกลับไปมาแทนก็ได้ แต่จำไว้ว่าให้ทำเพียงสองครั้งคือ

เช้าและก่อนนอนเท่านั้น
(ข้อนี้สำหรับหนุ่ม ๆ ลูกชายครูหลิวนะคะ)


.......................เป็นไงคะความรู้เรื่องการหวีผมเต็มอิ่มไหมคะ เอาล่ะมาอ่านเรื่อง

สนุก ๆ กันต่อเลยค่ะ

........................เด็ก ๆ คะ ครูหลิิวมีหวีประเภทหนึ่งที่จะมาแนะนำให้เด็ก ๆ ได้รู้จักกัน

เชื่อว่าเด็ก ๆ ส่วนใหญ่จะไม่รู้จักและไม่เคยเห็นเลยก็ว่าได้ ก่อนจะรู้จักชื่อหวีชนิดนี้

ครูหลิวจะให้ให้ดูภาพก่อนนะคะ



หวีชนิดนี้มีคุณสมบัติพืเศษ นั่นก็คือมันสามารถกำจัด Parasite ประเภทหนึ่งออกจาก

หนังศีรษะที่เรารู้จักนั่นก็คือ เหา นั่นเองค่ะ ไปดูภาพเหากันนะคะ




เป็นไงคะ หน้าตาน่ารักน่าชังไหมคะ ใครอยากมีเหาอาศัยอยู่บนศีรษะของเรามั่ง

ยกมือขึ้น แหม....แหม....ครูหลิวทราบอยู่แล้วละค่ะว่าไม่มีใครอยากมีเจ้าตัวเหาอยู่

บนศีรษะของเราแน่นอนค่ะ เด็กผู้ชายคงไม่มีประสบการณ์ให้เหาอยู่บนศีรษะหรอกค่ะ

แต่เด็กผู้หญิงทุกคน (สมัยก่อนนานประมาณหนึ่ง ไม่อยากระบุว่านานเท่าไหร่ เดี๋ยว

เด็ก ๆ ไปคำนวณอายุครูหลิวกัน กลัวปวดหัวน่ะค่ะ) ต้องเคยเป็นเหา sure ค่ะ

ครูหลิวก็เป็นหนึ่งในนั้น ขอเล่าอาการก่อน เจ้าตัวเหาที่อยู่บนศีรษะเรามันจะเดินชม

วิวทิวทัศน์บนศีรษะของเราเหมือนขบวนพาเหรดเลยค่ะ แถมกัด + ดูดเลือดเรา

อย่างเมามัน มันจึงทำให้ราก็จะรู้สึกว่าคันสุด สุด.....เลยล่ะค่ะ ดังนั้นเราต้องสรรหาวิธี

มากำจัดมัน ซึ่งมีหลากหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการสระผมการที่คุณแม่ของเราหา

เวลามาแหวกผมแล้วกำจัดเหาทีละตัว ที่ละตัว เวลารูดเหาออกจากเส้นผม

มันก็เจ็บไม่น้อย บางทีน้ำหูน้ำตาไหลกันทีเดียว และอีกวิธีหนึ่งที่เป็นวิธีฮิตของคนสมัยนั้น

นั่นก็คือ แอ่น........แอน..........แอ้น..........นั่นก็คือ การใช้ หวีเสนียด มา หวี หวี หวี

แล้วใช้กระดาษสีขาวรองไว้ข้างล่าง พอเห็นตัวเหาหล่นลงมา เด็ก ๆ ลองทายดูสิคะว่า

ความรู้สึกเป็นอย่างไร ขอเอาความรู้สึกของครูหลิวเป็นเกณฑ์ก็แล้วกันว่า ครูหลิวรู้สึกมี

ความสุขอย่างประหลาด รู้สึกปลาบปลื้มเป็นที่สุด ด้วยหลากหลายวิธีที่กล่าวมาทำให้

ครูหลิวมีความสุขไม่ต้องเกาศีรษะตลอดเวลา ไม่ต้องหวาดผวาว่าจะมีใครมาครอบครอง

พื้นที่บนศีรษะของเราค่ะ

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

สูตรท่องวิตามิน

...........................เด็ก ๆ คะ เด็ก ๆ รู้ไหมคะว่าวิตามินสำคัญต่อเราอย่างไรบ้าง วิตามินเป็นหนึ่งในอาหารหลัก 5 หมู่ที่เป็นปัจจัยจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของ คนเราเลยนะคะ เพราะช่วยทำให้ร่างกายของเราสามารถทำงานได้เป็นปกติ ขับถ่ายสะดวก เราพบวิตามินได้ง่าย ๆ จากผลไม้ชนิดต่าง ๆ นั่นเองค่ะ และ โดยเฉพาะช่วงนี้ไข้หวัด 2009 กำลังระบาดมาก ๆ เพราะฉะนั้นการทำให้ ร่างกายแข็งแรงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ค่ะ และหนึ่งในวิธีที่จะป้องกันเจ้า เชื้อหวัด H1N1 นั้น การกินวิตามินซีก็ช่วยให้เราปลอดภัยจากเชื้อหวัดได้ ในระดับหนึ่งนะคะ (วิตามินซีได้จากการกินผลไม้รสเปรี้ยว หรือวิตามินซี แบบเม็ดก็ได้ค่ะ) ............................เอาละค่ะ ถึงเวลาที่ครูหลิวจะสอนสูตรท่องวิตามินแล้ว นะคะ พร้อมหรือยัง ไปกันเลย ยะ......ฮู้......... A หมายถึง วิตามินเอ เกี่ยวกับโรคตาฟ่าฟาง B หมายถึง วิตามินบี1 เกี่ยวกับเหน็บชา E หมายถึง วิตามินอี เกี่ยวกับการเป็นหมัน D หมายถึง วิตามินดี เกี่ยวกับกระดูก K หมายถึง วิตามินเค เกี่ยวกับเลือดไม่แข็งตัว B(2) หมายถึง วิตามินบี2 เกี่ยวกับโรคปากนกกระจอก

สเปส...สเปส...แล้วก็สเปส

.............เรื่องการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เด็ก ๆ ไม่มีทางเข้าใจแน่เลยค่ะ ดูซิคะ แค่ชื่อก็ยากแล้ว ..............โฮ่ โฮ่ โฮ่ ! จริง ๆ เรื่องนี้ง่ายมาก ๆ เลยละค่ะ ครูหลิวแค่ขู่ให้ตกใจเท่านั้นเอง ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับสเปสและสเปสกับเวลา เป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน อีกขั้นหนึ่งค่ะ ก่อนที่เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้ถึงการหาความสัมพันธ์ระหว่าง สเปสกับสเปสและสเปสกับเวลานั้น เด็ก ๆ ต้องรู้จัก ความหมายของสเปสกันซะก่อน สเปส (space) ตาม Dictionary แปลว่า (1) ที่ว่างในท้องฟ้า , อวกาศ (2) ระยะห่าง , ช่องว่าง ดังนั้น ............. สเปส หมายถึง ที่ว่างที่วัตถุนั้นครองอยู่ (เอ้า ! ทำหน้างง ทำไมล่ะ) เด็ก ๆ คะ ตอนนี้บนบ่าของเด็ก ๆ ยังว่างอยู่ใช่ไหมคะ เอาหนังสือขึ้นไปวางบนบ่าหน่อยค่ะ (ทำด้วยค่ะ ......ตอนนี้เราอยู่ในช่วงทำการทดลองกันนะคะ ฮึ่ม ฮึ่ม....) เห็นไหมคะหนังสือครอบครองพื้นที่ว่างบนบ่าเราอยู่ค่ะ ............แล้วสเปสของหนังสือหน้าตาเป็นยังไงคะ อื่อ ใช่แล้วละค่ะ ก็หน้าตาเหมือนห

แฟ้มสะสมผลงาน

...................ต้องขอโทษเด็ก ๆ ด้วยนะจ๊ะ ทั้ง ๆ ที่ครูหลิวบอกให้เด็ก ๆ เข้ามาดู ตัวอย่างการทำแฟ้มสะสมผลงานวิชาวิทยาศาสตร์ (LAB) แต่มันช่างหายากเหลือเกิน จริง ๆ แล้วครูหลิวทำ page นั้น ไว้ตั้งนานแล้วค่ะ แต่เป็นของปีก่อน เลยหายากนิดนึง เพราะมันอยู่ใน Blog เก่าของครูหลิว ซึ่งหาได้จาก Link ด้านข้างขวามือน่ะค่ะ แต่เดี๋ยวครูหลิวจะยกมาให้ดูกันจะจะตรงนี้เลยนะคะ สำหรับเด็ก ๆ ชั้นสำหรับนักเรียนชั้นป.1/1 - 1/5 ป.2/1 - 2/8 และ ป.3/3 - 3/8 ค่ะหน้าปกแฟ้มวิทย์ (LAB) เขียนเหมือนกันทุกชั้นค่ะ เพียงแต่เขียนชื่อของตัวเองเท่านั้นค่ะ และเปลี่ยนปีการศึกษา เป็น ปีการศึกษา 2551 ค่ะ ครูหลิว